Last updated: 15 ก.ย. 2565 | 388 จำนวนผู้เข้าชม |
1. โรคนอนไม่หลับ (Insomnia) แบ่งเป็น
1.1 นอนไม่หลับชั่วคราว เพราะมีเหตุ เช่น สูญเสียของรักตกงาน
1.2 นอนไม่หลับเรื้อรัง (เกิน 1 เดือน) ซึ่งยังแบ่งไปได้อีกอย่างน้อย 7 อย่าง คือ
2. โรคความผิดปกติของการนอนหลับ (Sleep Disorder) ซึ่งแยกได้เป็น 4 กลุ่ม
2.1 โรคนอนกรน (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA)
2.2 กลุ่มอาการขาอยู่ไม่สุข (Restless Legs Syndrome หรือ RLS) มีอาการคือนั่งหรือนอนตอนเย็นหรือกลางคืนเฉย ๆ เป็นไม่ได้ มันรู้สึกไม่สบาย ต้องคอยขยับหรือกระตุกขาตัวเองไว้ให้ได้
2.3 โรคเสียจังหวะการนอน (Circadian Rhythm Disorder) ซึ่งแบ่งออกเป็นเสียจังหวะการนอนชั่วคราว เช่น น่งั เคร่อื งบิน ทำงานล่วงเวลา ทำงานเป็นกะมีเหตุต้องอยู่ดึก หรือป่วยเสียจังหวะการนอนเรื้อรัง (เกิน 6 เดือน) แบ่งเป็น 3 แบบ
2.4 โรคหลับกลางวัน (Narcolepsy) เป็นความผิดปกติที่เกิดจากยีนหรือพันธุกรรมมักเป็นตั้งแต่เด็ก มีอาการหลับกลางวันมากร่วมกับอาการผีอำ (ขณะหลับมีประสาทหลอน แขนขาขยับไม่ได้ เป็นอัมพาตชั่วคราว)
การแก้ปัญหาเบื้องต้น
ขั้นที่ 1
การแก้ปัญหานอนไม่หลับควรเริ่มด้วยตัวเราเองก่อน ด้วยการมีสุขศาสตร์ของการนอนหลับที่ดี เช่น เข้านอนเป็นเวลา ตื่นเป็นเวลา จัดชีวิตทั้งวันให้เป็นเวลา เมื่อไรกินอาหาร เมื่อไรกินยา เมื่อไรออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายคุ้นเคย ปรับสภาพห้องนอนให้น่านอน เอาของรุงรังออกไป
ขั้นที่ 2
คือใช้วิธีพฤติกรรมบำบัด (Cognitive Behavior Therapy) ซึ่งต้องทำเอง เพราะเมืองไทยไม่มีที่ไหนเปิดรักษาแบบนี้ หลักการก็คือ ผสมผสานหลายอย่างเข้าด้วยกัน เช่น
1. ทำตามสุขศาสตร์ของการนอนหลับข้างต้น
2. สอนตัวเองให้เข้าใจว่า ความคิดหังวลเกี่ยวกับผลเสียของการนอนไม่หลับจะยิ่งมีผลเสียต่อการนอนไม่หลับมากขึ้น
3. สอนร่างกายและจิตใจให้รู้จักสนองตอบแบบผ่อนคลาย จะด้วยวิธีเกร็งแล้วคลายกล้ามเนื้อต่างๆ ไปทีละกลุ่มกล้ามเนื้อ หรือด้วยวิธีอื่นๆ เช่น ฝึกสมาธิ (Meditation) ให้ใจจดจ่ออยู่กับสิ่งเดียว (เช่น ลมหายใจ) แทนที่จะคิดฟุ้งซ่าน หรืออาจใช้วิธีรำมวยจีนหรือฝึกโยคะก็ได้
ขั้นที่ 3
ไปหาหมอ ก่อนไปต้องจดประวัติการนอนหลับย้อนหลังสัก 2 สัปดาห์ พร้อมระบุกิจกรรม ยาและสารกระตุ้นที่เกี่ยวข้องไปด้วย เรียกว่าทำ Sleep Diaryเพื่อให้หมอวินิจฉัยสาเหตุของโรคได้แม่นยำและให้การรักษาได้ตรงจุดที่สุด หมออาจจะทำการตรวจเพิ่มเติมบางอย่างถ้าจำเป็น เช่นกรณีสงสัยโรคนอนกรน อาจใช้วิธีตรวจการนอนหลับ (Polysomnography) คือให้ไปนอนหลับทั้งคืนในห้องตรวจการนอนหลับ (Sleep Lab)
ส่วนการรักษาโดยแพทย์นั้น ก็ต้องทำใจไว้ก่อนว่าอาจจะได้ยานอนหลับเป้นสาระหลัก กรณีเป็นโรคนอนกรน หมออาจจะแนะนำให้ซื้อเครื่องช่วยหายใจ (CPAP) มาใช้ที่บ้าน กรณีเป็นโรคเสียจัหวะการ (Circardian Rhythm Disorder) หมออาจแนะนำให้ใช้การรักษาด้วยแสง (Light Therapy) คือใช้แสงไฟที่มีความสว่างมาก (>6,000 ลักซ์ เปิดนาน 30 – 60 นาที) เปิดสว่างทั่วห้องเพื่อให้ร่างกายรู้จักเวลากลางวันกลางคืน
ถ้าเสียจังหวะการนอนแบบหลับลงยาก (DSPS) ก็เปิดตอนเช้าเพื่อกระตุ้นให้ตื่นเร็วและเข้านอนเร็วขึ้น ถ้าเสียจังหวะแบบตื่นเร็วและตาค้าง (ASPS) ก็เปิดตอนหัวค่ำก่อนนอนเพื่อป้องกันไม่ให้ง่วงนอนเร็ว นอกจากนี้อาจแนะนำให้รักษาด้วยการเลื่อนเวลานอน (Chronotherapy) ควบไปด้วย นอกจากนี้การรักษาทางเลือก เช่น การฝังเข็ม ก็มีหลักฐานว่ารักษาการนอนหลับได้ผล
ข้อมูลจาก : นายแพทย์สันต์ ใจยอดศิลป์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจหลอดเลือดและทรวงอก
ขอบคุณข้อมูลจาก : Good Life Update.com
18 ม.ค. 2568
21 ธ.ค. 2567