Last updated: 24 ก.ค. 2568 | 81 จำนวนผู้เข้าชม |
ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับปัญหาโลกร้อน การเลือกใช้รถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจึงกลายเป็นหัวข้อสำคัญ และรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มักถูกมองว่าเป็น “ทางออก” ของการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) แต่รู้หรือไม่ว่า...การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอาจปล่อย คาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) มากกว่ารถน้ำมัน!
การผลิตตัวรถ
รถยนต์น้ำมัน (ICE) : ~6.5 ตัน CO₂
รถยนต์ไฟฟ้า (EV) : ~7.5 ตัน CO₂
รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ใช้วัสดุเบากว่าแต่มีการใช้พลังงานในระบบระบายความร้อนและอุปกรณ์ไฟฟ้ามากขึ้น
การผลิตแบตเตอรี่
รถยนต์น้ำมัน (ICE) : -
รถยนต์ไฟฟ้า (EV) : ~5-8 ตัน CO₂ (สำหรับแบตเตอรี่ขนาด ~60–100 kWh)
แหล่งพลังงานที่ใช้ผลิตแบตเตอรี่มักมีผลมาก เช่น ถ้าใช้ถ่านหินจะปล่อย CO₂ มาก
การผลิตเครื่องยนต์ / มอเตอร์
รถยนต์น้ำมัน (ICE) : ~1 ตัน CO₂
รถยนต์ไฟฟ้า (EV) : ~0.5 ตัน CO₂
มอเตอร์ EV มีโครงสร้างง่ายกว่า
การกลั่นและขนส่งน้ำมัน
รถยนต์น้ำมัน (ICE) : ~1.5 ตัน CO₂ (ค่าตลอดอายุการใช้งาน)
รถยนต์ไฟฟ้า (EV) : -
สำหรับรถยนต์น้ำมัน ICE ที่มีอายุ 15 ปี
รวมการปล่อย CO₂ ในการผลิตเบื้องต้น
รถยนต์น้ำมัน (ICE) : ~9 ตัน CO₂
รถยนต์ไฟฟ้า (EV) : ~13–16 ตัน CO₂
จะเห็นได้ว่าในขั้นตอนการผลิต รถยนต์ไฟฟ้า EV มีค่าการปล่อยสูงกว่า
รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ยังเป็นมิตรกับโลกของเราอยู่ไหม?
คำตอบคือ “ใช่” — ถ้าใช้อย่างเหมาะสม แม้การผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จะปล่อย คาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) สูงกว่าในตอนเริ่มต้น แต่ถ้าขับระยะทางมากพอ (มากกว่า 100,000–150,000 กม.) และชาร์จไฟจากแหล่งพลังงานสะอาด (เช่น โซลาร์หรือพลังงานลม) EV จะเริ่มมี "คาร์บอนฟุตพรินต์รวม" ต่ำกว่ารถน้ำมัน
สรุปข้อเท็จจริง
รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ปล่อย คาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) มากกว่ารถน้ำมัน ในขั้นตอนการผลิต โดยเฉพาะจาก การผลิตแบตเตอรี่ ซึ่งกินพลังงานและทรัพยากรมาก
อย่างไรก็ตาม เมื่อใช้งานจริง รถยนต์ไฟฟ้า (EV) จะปล่อย คาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) น้อยกว่ามาก โดยเฉพาะหากไฟฟ้าที่ชาร์จมาจากพลังงานหมุนเวียน
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก :
www.iea.org
www.volkswagenag.com
css.umich.edu
www.carbonbrief.org
17 ก.ค. 2568
29 ก.ค. 2568
9 ก.ค. 2568